ยุคนี้เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มคุ้นชินกับคำว่า AI หรือ Artficial Intelligence ที่เรารู้จักกันดีในนามว่า ปัญญาประดิษฐ์นั่นเองซึ่ง AI จะหมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่จะมีกลไกเกี่ยวกับการทำงานอันชาญฉลาดซึ่งสามารถที่จะเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ได้
ทั้งนี้จะเป็นกลไกที่ได้ถูกออกแบบไว้แล้วซึ่งทำให้ระบบสามารถที่จะกระทำเกิดขึ้นเองได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งรอการอนุมัติจากมนุษย์ ซึ่ง AI เรียกได้ว่าเป็นยิ่งกว่าระบบประมวลผล ยิ่งกว่า Machine Learning เนื่องจากว่าผลลัพธ์ของ AI นั่นก็คือ การกระทำอย่างเช่น การคุยตอบโต้ใน Siri ที่เรารู้จักกันและการใช้ระบบแสกนหน้าในการช่วยปลดล็อคสมาร์ทโฟน ฯลฯ แต่ในขณะที่ผลลัพธ์ Machine Learning เป็นตัวเลขหรือรายงาน โดยที่มนุษย์จะนำไปสร้างเป็นการกระทำต่อไปนั่นเอง
ส่วนกลไกของระบบ AI ที่จะแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทดังนี้
- Reactive machines ซึ่งจะเป็นประเภทที่ไม่มีเมมโมรี่ในตัวเองและการประมวลผลที่เกิดจากการเรียนรู้ใหม่จากสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวได้แก่ Deep Blue หรือไม่ว่าจะเป็นทั้งคอมพิวเตอร์ที่ชนะการแข่งหมากรุของ IBM
- Limited Memory จะเป็นแบบที่มีเมมโมรี่ในตัวแต่ทั้งนี้จะเป็นข้อมูลที่ลิมิต โดยที่จะเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์เดิมที่อยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น ระบบขับเคลือนอัตโนมัติ
- Theory of Mind เป็นประเภทที่จะมีการใส่อารมณ์ วัฒนธรรม ความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น โดยที่ทางด้านของนักพัฒนา AI ที่อยู่ในกลุ่มนี้จะมีความต้องการพัฒนา AI ให้มีนิสัยรวมไปถึงการกระทำต่าง ๆ ที่จะให้มีความคล้ายกับมนุษย์มากที่สุด
- Self-Awareness ที่ถือได้ว่าเป็นขั้นสุดของ AI แล้วเพราะว่าจะเป็นประเภทที่มีความสามารถทั้งคิดรวมไปถึงสามารถที่จะกระทำได้ด้วยตัวเอง
เรียกได้ว่า AI มีความสำคัญกับโลกเรามากขึ้นและเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวันซึ่งมนุษย์เราเองก็ต้องทำความเข้าใจและรู้จักกับ AI ให้มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกันเพื่อในอนาคตเราจะสามารถใช้งานมันได้อย่างถูกต้องนั่นเองค่า
